ประวัติวัดพระยาทำ

วัดพระยาทำตั้งอยู่บนฝั่งขวาของ “แควหนุมาณ” หรือ “แควน้อย” ห่างจากปากร่วมราว 300 เมดร วัดพระยาทำมีพื้นที่ประมาณ6ไร่ ทิศเหนือจรดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ ทิศได้และ ทิศตะวันดกจรดที่ดินของดระกูล “พินิจชอบ” ทิศดะวันออกจรดแควหนุมาณ และมีบ้านเรือนดั้งเรียงราย”บนฝั่งตรงข้ามกับหน้าวัดไปจนถึงปากร่วม ยาวประมาณ 400 เมตร เรียกว่า “ตลาดใหญ่”หรือตลาดเก่า”วัดพระยาทำเป็นวัดเดียวในกบินทร์บุรีที่มีการคมนาคมสะดวกที่สุด เพราะ (ก่อนสงครามโลกครั้งที่2) มีทั้งเรือแดงสองชั้นวิ่งจากแปดริ้วมาจอดค้างคืนที่หน้าวัดมีรถไฟจากกรุงเทพฯมาจอดค้างคืนกลับรถที่อู่สถานีกบินทร์บุรี ทั้งรถไฟและเรือแดงออกจากกบินทร์

ดอนเช้ามืด (เดี๋ยวนี้รถไฟขบวนนี้ก็ยังอยู่)และมีขบวนรถไฟ อรัญฯ-กรุงเทพฯ ผ่านวัดดอนเที่ยงวันด้วย เมื่อก่อนสงครามอินโดจีน สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐบาลมีแผนจะขอดินแดนมณฑลบูรพาคืนจากฝรั่งเศส จึงให้สร้างถนนสุวรรณศร จากหินกองผ่านนครนายก-ปราจีนบุรี-กบินทร์บุรีสู่อรัญประเทศ ทางสายนี้มาดัดขนานกับทางรถไฟที่สร้างมาแต่สมัยรัชการที่ : ที่สะพานดำใหญ่ข้ามแควหนุมาณ ข้างวัดพระยาทำ จึงทำให้วัดพระยาทำตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนให้เกิดความสะดวกต่อการบำเพ็ญกุศล และการศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างยิ่ง ผู้สร้างวัด จากประวัติศาสตร์และพงศาวดาร พอจับความโดยย่อได้ว่า ปี พ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่3 แห่งราชวงศ์จักรี ได้รับสั่งให้ท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนีผู้เป็นต้นตระกูลสิงหเสนี) เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกไปดีเขมรจากพระนคร ผ่านเมืองปราจีนและ “กบิล” “ตามลำดับ

เมื่อท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชาแม่ทัพใหญ่ยกทัพมาถึง “หมู่บ้านกระโดน” จึงสั่งให้ตั้งค่ายพักไพร่พลแล้วให้ตัดถนนจากกบินทร์ไปสู่เมืองพระตะบองของเขมร เพื่อสะดวกในการยกพลไปปราบเขมร แล้วตั้งชื่อ ถนนสายนั้นว่า “ถนนเจ้าพระยาบดินทร์เดชา” เมื่อเสร็จศึกเขมร ท่านเจ้าพระยาฯ ได้เดินทัพผ่านเส้นทางเดิม มาพักไพร่พลอยู่ ณ หมู่บ้านกระโดนอีกครั้งหนึ่ง จึงสั่งให้แม่ทัพนายกองพาไพร่พลสร้างวัดขึ้น ณ ที่นั้น แล้วตั้งชื่อว่า “วัดพระยาทำ” ซึ่งมีความหมายว่า ผู้สร้างมีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับเจ้าเมือง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด อันเป็นชนชั้นกลางหรือปัญญาชนในปัจจุบันแต่ในครั้งนั้น แม่ทัพนายกองคงจะมีบรรดาศักดิ์เป็นหมื่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา ” จึงดั้งชื่อวัดเป็นกลางๆ ว่า “วัดพระยาทำ” แทนที่จะดั้งชื่อว่า “วัดเจ้าพระยาทำ” ตามราชทินนามของท่านแม่ทัพใหญ่นอกจากท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชาจะนำมาสร้างวัดพระยาทำแล้ว ยังได้สร้างวัดตามเส้นทางที่มีความหมายต่อการกรีฑาทัพผ่านอีกหลายแห่ง เช่น วัดแจ้งที่หลังสถานีรถไฟปราจีนบุรี เพราะเดินทัพผ่านมาสว่างที่นั่น และวัดโรงเกวียนที่หน้าสถานีรถไฟปราจีนบุรี (เพราะพักขบวนเกวียนและไพร่พลช้างม้าที่นั่น)เนื่องจากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่3 นี้ บ้านเมืองสงบจากตึกภายนอก และเป็น

รัชสมัยที่ยาวนานถึง27 ปี และทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ดังปรากฏข้อความในประวัติศาสตร์และพงศาวดารว่า “…ละครก็ไม่ได้ทรง ผู้หญิงก็ไม่ได้ทรง ทรงแต่ราชการงานกุศล งานแผ่นดิน… ใครสร้างวัดวาก็ทรงโปรด” ดังนั้นการที่ท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชา และแม่ทัพนายกองชักชวนให้ทหารและชาวบ้านสร้างวัด จึงเป็นการเฉลิมพระราชศรัทธาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ อีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะวัดพระยาทำ ก็จัดว่าเป็นวัดหนึ่งที่สร้างขึ้นจากน้ำใจของนักรบ และกระแสพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดิน จึงมีบางคนกล่าวว่า วัดพระยาทำนี้ดวงแข็ง มีเจ้าอาวาสมา 9รูป เป็นเวลา167ปีแล้ว ยังไม่เคย มีรูปใดต้องอธิกรณ์ หรือต้องอาบัติหนักเลยสักรูปเดียว โดยเฉพาะ2รูป ที่ข้าพเจ้าเคยรับใช้ใกล้ชิดท่านนั้น มีอายุค่อนร้อย5รัชกาลทั้งคู่ และวัดนี้ก็พันจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 อย่างปาฏิหาริย์ (ฝูงบินฝ่ายพันธมิตรนำลูกระเบิดมาทิ้งใส่สะพานดำใหญ่ใกล้ๆ วัด)